Khon Kaen University Welcomes Bhutanese Doctor, Highlighting Role as a Hub for International Medical Training

 

The Department of Pathology at the Faculty of Medicine, Khon Kaen University, welcomed Dr. Tashi Dorji, Senior Medical Officer from Gidakom Hospital in Thimphu, Bhutan, to its Residency Training Program in Anatomic Pathology. Funded by the Bhutanese government, the three-year program runs from November 15, 2024, to November 15, 2027.

 

 

This program is part of Thailand’s Visiting Doctor Initiative, organized by the Medical Council of Thailand, aiming to enhance medical expertise and foster international collaboration. Khon Kaen University is recognized as a key center for international medical training in the region, with a vision of becoming a global leader in medical education, research, and healthcare services.

Welcoming Dr. Dorji reflects Khon Kaen University’s pivotal role in advancing global healthcare networks and strengthening international medical partnerships.

 

 

 

Written by: Sumitta Buaphaeng, Ratchanikon Thatuwiasi , Cooperative Education Intern

 


 

มหาวิทยาลัยขอนแก่นต้อนรับแพทย์ภูฏานร่วมอบรมแพทย์ประจำบ้าน สะท้อนบทบาทศูนย์กลางแพทย์วิเทศ

สาขาวิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ต้อนรับ Dr. Tashi Dorji แพทย์อาวุโสจากโรงพยาบาล Gidakom กรุงทิมพู ราชอาณาจักรภูฏาน ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลภูฏาน เพื่อเข้าร่วมหลักสูตรการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน สาขาพยาธิวิทยากายวิภาค (Residency Training in Anatomic Pathology) เป็นระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ถึง 15 พฤศจิกายน 2570

โครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ แพทย์วิเทศ ของแพทยสภา ประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ พร้อมส่งเสริมความร่วมมือระดับนานาชาติ มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้รับการยอมรับในฐานะศูนย์กลางการฝึกอบรมแพทย์วิเทศในภูมิภาค โดยมีวิสัยทัศน์มุ่งสู่การเป็นโรงเรียนแพทย์ระดับโลกที่ยกระดับคุณภาพการศึกษา การวิจัย และบริการทางการแพทย์

การต้อนรับแพทย์ภูฏานในครั้งนี้สะท้อนถึงบทบาทของมหาวิทยาลัยขอนแก่นในฐานะศูนย์กลางความร่วมมือทางการแพทย์ระดับสากล พร้อมสร้างเครือข่ายการแพทย์ที่แข็งแกร่งในระดับโลก

 

เขียนโดย: สุมิตตา บัวแพง,รัชนีกร ธาตุวิสัย, นักศึกษาฝึกงานสหกิจศึกษา

 


 

孔敬大学欢迎不丹医生参与培训,展现国际医生培训中心的角色

孔敬大学医学院病理学系欢迎来自不丹廷布吉达康医院的高级医师塔希·多吉博士加入解剖病理学住院医师培训项目。塔希博士由不丹政府资助,将参加为期三年的培训,从2024年11月15日持续至2027年11月15日。

此次项目隶属于泰国医师协会的 国际医生培训计划(แพทย์วิเทศ),旨在提升医学专业知识并促进国际合作。孔敬大学以其作为区域国际医学培训中心的地位而闻名,其愿景是成为全球医学教育、研究和医疗服务的领导者。

欢迎不丹医生的加入,展现了孔敬大学在全球医疗网络中的重要角色,并进一步巩固国际医学合作关系。

 

作者: Sumitta Buaphaeng, Ratchanikon Thatuwiasi , Cooperative Education Intern

 

Academic Collaboration Agreement Signed Between Chulalongkorn University, Khon Kaen University, and University of California, San Francisco

 

On November 13, 2024, a historic Memorandum of Understanding (MOU) was signed between three leading institutions: Chulalongkorn University, Khon Kaen University, and the University of California, San Francisco (UCSF). This MOU aims to foster academic collaboration in ophthalmology, research, and education, marking a significant milestone in medical advancements between Thailand and the United States. The signing ceremony took place at the 52nd Annual Scientific Meeting of the Royal College of Ophthalmologists of Thailand, held at Centara Grand Bangkok, under the theme “Together Better Vision.”

Representatives from each university attended the event, including Prof. Wasee Tulvatana from Chulalongkorn University, Assoc. Prof. Tanapat Ratanapakorn from Khon Kaen University, and Assoc. Prof. John Gonzales from UCSF. Each representative is a prominent figure in ophthalmology and has made substantial contributions to medical research and patient care. The signing of this MOU demonstrates the commitment of all three universities to connect their research efforts, enhance medical expertise in ophthalmology, and create a global network for educational and research excellence.

 

 

This academic partnership focuses on developing joint research projects, faculty and student exchange programs, and specialized training sessions. These initiatives aim to facilitate knowledge transfer and equip medical personnel with the skills and expertise needed to excel in the field of ophthalmology. This collaboration will also offer Thai and American students opportunities to gain hands-on experience in real-world clinical environments in both countries, preparing them for successful international careers.

Assoc. Prof. Tanapat Ratanapakorn from Khon Kaen University expressed his enthusiasm about the partnership, stating, “This collaboration will elevate the quality of education and research in ophthalmology for Thai medical students. Furthermore, it provides a platform for Thai researchers to participate in high-standard international projects, which will benefit the country’s public health system in the long term.”

Prof. Wasee Tulvatana from Chulalongkorn University shared similar sentiments, adding, “We are honored to work alongside leading institutions like UCSF and Khon Kaen University. This partnership will allow us to share advanced treatment methods and knowledge with the Thai ophthalmology community, strengthening research capabilities in the Southeast Asian region.”

Assoc. Prof. John Gonzales from UCSF highlighted the importance of this academic linkage, saying, “Collaborating on research and exchanging faculty members with Thailand will help our field grow and allow us to learn from one another. We hope this collaboration will yield sustainable results and benefit both patients and the global academic community.”

 

 

The MOU signing signifies more than just an international academic partnership; it opens doors to critical learning and development opportunities for ophthalmology professionals. The exchange of personnel and joint research efforts will contribute to the creation of new knowledge and innovative treatments, benefiting both local and global communities. This collaboration is a significant step forward in improving eye health and vision care worldwide.

Through this partnership, the three institutions seek to leverage their combined expertise to address pressing global health issues, develop advanced treatment methods, and share research outcomes that can have a far-reaching impact. The alliance aligns with the goals of each institution to promote innovation in medical education, contribute to groundbreaking research, and establish a robust academic network between Southeast Asia and the United States.

The signing of this MOU marks the beginning of a journey that aims to transform ophthalmology education and research. By working together, Chulalongkorn University, Khon Kaen University, and UCSF are setting a new standard for international academic partnerships in medicine, striving to create a brighter future for eye care and patient outcomes on a global scale.

 

 


 

การลงนามบันทึกความร่วมมือทางวิชาการระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานฟรานซิสโก

วันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 สาขาวิชาจักษุวิทยาจากสามสถาบันชั้นนำ ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานฟรานซิสโก (UCSF) ได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อสร้างความร่วมมือในการพัฒนางานวิชาการ การศึกษา และการวิจัยด้านจักษุวิทยา พิธีลงนามนี้จัดขึ้นภายในงานประชุมวิชาการครั้งที่ 52 ของราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ กรุงเทพฯ ภายใต้แนวคิด “Together Better Vision” ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการยกระดับความรู้และนวัตกรรมด้านการรักษาสายตา และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการระหว่างประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา

การลงนามในครั้งนี้มีผู้แทนจากแต่ละสถาบันเข้าร่วมอย่างเป็นทางการ ได้แก่ ศ.พญ. วสี ตุลวรรธนะ ผู้แทนจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รศ.ธนภัทร รัตนภากร จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น และ Assoc. Prof. John Gonzales จาก UCSF ซึ่งทั้งสามคนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุวิทยาที่มีชื่อเสียงและมีบทบาทสำคัญในวงการวิจัยและการแพทย์ การลงนามในบันทึกความร่วมมือครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสามมหาวิทยาลัยในการเชื่อมโยงการวิจัยและพัฒนาความสามารถในการดูแลรักษาผู้ป่วยด้านจักษุวิทยา รวมทั้งสร้างเครือข่ายการศึกษาและวิจัยระดับนานาชาติ

ความร่วมมือทางวิชาการนี้จะเน้นไปที่การพัฒนาโครงการวิจัยร่วมกัน การแลกเปลี่ยนบุคลากรและนักศึกษา รวมถึงการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการสำหรับแพทย์และนักวิจัย เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดความรู้และทักษะทางการแพทย์ที่จำเป็นในการพัฒนาศักยภาพบุคลากรในสาขาจักษุวิทยา โครงการที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้มีเป้าหมายในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับนักวิจัยและแพทย์เฉพาะทาง ให้มีความรู้และความสามารถในการดูแลรักษาผู้ป่วยด้วยมาตรฐานสากล และเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เรียนรู้ประสบการณ์ตรงในสถานการณ์จริงจากทั้งสองประเทศ

รศ.ธนภัทร รัตนภากร ผู้แทนจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า “ความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาและวิจัยของนักศึกษาจักษุแพทย์ในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังเป็นการเสริมสร้างศักยภาพของนักวิจัยไทยให้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการที่มีมาตรฐานสูงระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศ”

ขณะที่ ศ.พญ. วสี ตุลวรรธนะจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีที่ได้ร่วมงานกับมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง UCSF และมหาวิทยาลัยขอนแก่น ความร่วมมือนี้จะทำให้เรามีโอกาสแบ่งปันความรู้และวิธีการรักษาที่ทันสมัยให้กับวงการจักษุแพทย์ไทย และเสริมสร้างความเข้มแข็งในด้านวิจัยในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

ในขณะเดียวกัน Assoc. Prof. John Gonzales จาก UCSF ได้กล่าวถึงความสำคัญของการเชื่อมโยงทางวิชาการระหว่างสถาบันว่า “การแลกเปลี่ยนบุคลากรและการพัฒนางานวิจัยร่วมกันกับประเทศไทย จะช่วยให้วงการจักษุแพทย์ของเราเติบโตและสามารถเรียนรู้จากกันและกันได้ เราหวังว่าความร่วมมือครั้งนี้จะสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนและเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยและวงการวิชาการทั่วโลก”

การลงนามบันทึกความร่วมมือในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการสร้างเครือข่ายการศึกษาและวิจัยระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการพัฒนาและการเรียนรู้ที่สำคัญสำหรับบุคลากรด้านจักษุแพทย์ การแลกเปลี่ยนบุคลากรและการทำวิจัยร่วมกันจะนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้ใหม่ ๆ และการพัฒนานวัตกรรมการรักษาที่จะเป็นประโยชน์ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับสากล ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างอนาคตที่ดีกว่าในการดูแลสุขภาพสายตาของผู้ป่วยทั่วโลก

 

Khon Kaen University Delegation Attends MEDICA 2024 in Düsseldorf, Paving the Way for Thailand’s Premier Medical Hub

 

Düsseldorf, Germany – November 11-12, 2024 – A distinguished delegation from Khon Kaen University, led by University Council Chairman, Dr. Narongchai Akrasanee; the President, Assoc. Prof. Dr. Charnchai Panthongviriyakul; Vice Chairman, Ambassador Surapon Petch-vra; and Dean of the Faculty of Medicine, Assoc. Prof. Pattarapong Makarawate and his team attended the MEDICA Trade Fair 2024 in Düsseldorf, Germany. The purpose of this visit was to explore the latest innovations in medical technology to advance the university’s Medical Hub project, which aims to become the one of the most advanced healthcare and treatment facility in Thailand, enhancing healthcare services nationwide.

MEDICA, the world’s largest and most influential medical technology fair, brought together global leaders, researchers, and innovators to showcase advancements across robotics, diagnostics, imaging, and health monitoring. These technologies are pivotal for Khon Kaen University’s Medical Hub project, which includes plans to increase the university hospital to a capacity of 2,000 beds — among the largest university hospital in Thailand.

 

 

Exploring the Future of Medical Technology

The Khon Kaen delegation comprised key leaders from various sectors within the Faculty of Medicine:

  • Associate Professor Pattarapong Makarawate, Dean, Faculty of Medicine
  • Associate Professor Sirirat Anutrakulchai, Vice Dean for Research and Innovation
  • Associate Professor Daris Theerakulpisut, Assistant Dean for International Relations and Corporate Communication
  • Assistant Professor Narongrit Kasemsap, Director of the Special Medical Center, Srinagarind Hospital
  • Professor Pope Kosalaraksa, Director, Academic Clinical Research Office
  • Assistant Professor Atibordee Meesing, Deputy Director, Srinagarind Hospital

This elite team engaged with exhibitors, viewed live demonstrations, and held strategic discussions with innovators to evaluate technologies that could redefine healthcare at Khon Kaen’s future Medical Hub.

 

 

A Vision for Thailand’s Largest University Hospital

At the core of Khon Kaen University’s vision is the Medical Hub—a project that signifies a new era of healthcare in Thailand. Designed to become Thailand’s largest and most advanced university hospital, the hub will integrate numerous centers of excellence, focusing on cancer, cardiovascular health, advanced diagnostics, and more. The delegation’s MEDICA visit provided the perfect backdrop for exploring the latest technologies in:

  • Medical Robotics: Robotic-assisted surgery and rehabilitation systems have the potential to enhance surgical precision, shorten patient recovery times, and expand the capacity for minimally invasive procedures.
  • Laboratory Diagnostics: High-throughput diagnostics and automation systems were of particular interest, aiming to increase both the accuracy and efficiency of clinical testing at the future Medical Hub.
  • Medical Imaging: The team assessed innovations in imaging technology that will improve diagnostic capabilities, ranging from early detection to sophisticated treatment planning.
  • Wearables: Wearable devices that offer continuous health monitoring and real-time data could empower personalized care, particularly in chronic disease management and preventive health.
  • One-Day Health Check-Up Systems: These systems promise to offer patients a comprehensive health assessment in just one visit, maximizing convenience and efficiency for routine screenings and early detection.

 

Strengthening Global Partnerships for Transformative Healthcare

The visit also underscored Khon Kaen University’s commitment to establishing robust international collaborations with top technology firms and research institutions. The delegation engaged in talks with global leaders in medical technology, exploring potential collaborations that could bring pioneering solutions to Thailand’s healthcare system. These partnerships will play a vital role as Khon Kaen integrates advanced technologies into its new facilities, ensuring that the Medical Hub stands on par with world-leading healthcare institutions.

Transforming Patient Care in Thailand

The Medical Hub project’s scope extends beyond research and education—it is designed to revolutionize patient care in Thailand. With an infrastructure that combines comprehensive care, world-class research, and teaching excellence, the Medical Hub will provide a crucial health resource for Thailand and Southeast Asia. The integration of advanced technologies at the new facility aims to elevate the quality of care, streamline hospital operations, and support cutting-edge research in medicine.

As Dean Assoc. Prof. Dr. Pattarapong Makarawate emphasized, “Our goal is not only to deliver exceptional care to our community but also to set new standards in medical education, research, and technology in Thailand.”

The Path Forward

The MEDICA visit is a significant milestone in Khon Kaen University’s ongoing journey toward becoming a leading medical and research institution in Southeast Asia. The Faculty of Medicine is committed to ensuring that the Medical Hub project, with its 3000-bed capacity, reflects the university’s dedication to innovation, healthcare excellence, and improved patient outcomes. By adopting state-of-the-art technologies, Khon Kaen University positions itself to address both local and regional health challenges with modern and effective solutions.

In their continued pursuit of excellence, Khon Kaen University’s Faculty of Medicine reaffirms its commitment to advancing healthcare through education, research, and clinical practice. As the Medical Hub project develops, the faculty envisions a future where world-class healthcare and innovation flourish in the heart of Thailand, benefiting countless individuals and setting new benchmarks in the medical field.

This MEDICA visit marks the beginning of an inspiring journey that will define Khon Kaen University as a trailblazer in medical advancement and a leader in patient-centered care. As the Medical Hub takes shape, the university is dedicated to bringing global standards of healthcare to Thailand, setting a model for future medical institutions across Asia.

 

 


 

คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมงาน MEDICA 2024 ในเมืองดุสเซลดอร์ฟ วางรากฐานการเป็นศูนย์กลางการแพทย์ชั้นนำของไทย

วันที่ 11-12 พฤศจิกายน 2567 – คณะผู้แทนจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นำโดย นายกสภามหาวิทยาลัย ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น และท่านทูตสุรพล เพชรวรา ได้เดินทางไปเยือนงาน MEDICA Trade Fair 2024 ณ เมืองดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี เพื่อศึกษานวัตกรรมทางการแพทย์ใหม่ ๆ ในการขับเคลื่อนโครงการ Medical Hub ที่ทันสมัยที่สุดในไทย ซึ่งจะช่วยพัฒนาการให้บริการด้านสุขภาพและการรักษาในระดับประเทศ

งาน MEDICA Trade Fair ซึ่งเป็นงานแสดงเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีการจัดแสดงเทคโนโลยีล้ำสมัยจากทั่วโลก เป็นเวทีให้ทีมงานจากคณะแพทยศาสตร์ได้เรียนรู้และวิเคราะห์ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีที่สำคัญ เช่น หุ่นยนต์ทางการแพทย์ ระบบวินิจฉัยในห้องปฏิบัติการ เทคโนโลยีภาพทางการแพทย์ อุปกรณ์สวมใส่เพื่อสุขภาพ และระบบตรวจสุขภาพแบบวันเดียวจบ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาโครงการ Medical Hub ที่จะมีจำนวนเตียงสูงถึง 2,000 เตียง กลายเป็นโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

ก้าวเข้าสู่อนาคตของการดูแลสุขภาพ

คณะผู้แทนจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นประกอบด้วยบุคลากรสำคัญหลายท่าน ได้แก่

  • รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ภัทรพงษ์ มกรเวส คณบดีคณะแพทยศาสตร์
  • รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงศิริรัตน์ อนุตระกูลชัย รองคณบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม
  • รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ดริส ธีระกุลพิศุทธิ์ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร
  • ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์นรงฤทธิ์ เกษมทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการทางการแพทย์ชั้นเลิศ โรงพยาบาลศรีนครินทร์
  • ศาสตราจารย์ นายแพทย์ภพ โกศลารักษ์ ผู้อำนวยการสถานบริหารจัดการงานวิจัยคลินิก
  • ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์อธิบดี มีสิงห์ รองผู้อำนวยการฝ่ายคุณภาพและบริหารความเสี่ยง โรงพยาบาลศรีนครินทร์

ทีมงานได้เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ในงาน MEDICA พบปะกับผู้เชี่ยวชาญและผู้จัดแสดงจากนานาชาติ พร้อมทั้งศึกษาศักยภาพของเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่จะช่วยยกระดับวิสัยทัศน์ของการเป็นศูนย์กลางการแพทย์ระดับโลก

โครงการ Medical Hub ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น

Medical Hub เป็นโครงการสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงวงการสุขภาพในประเทศไทย โดยมหาวิทยาลัยขอนแก่นมุ่งเน้นให้เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพสูงสุด โดยจะมีจำนวนเตียงสูงถึง 2,000 เตียง รวมถึงศูนย์ความเป็นเลิศในสาขาต่าง ๆ เช่น การดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็ง สุขภาพหัวใจ และการวินิจฉัยขั้นสูง การเยี่ยมชมงาน MEDICA ครั้งนี้ช่วยให้คณะผู้แทนได้ศึกษานวัตกรรมหลากหลายที่สามารถนำมาใช้ใน Medical Hub อาทิ

  • หุ่นยนต์ทางการแพทย์: คณะผู้แทนให้ความสนใจในการใช้หุ่นยนต์เพื่อช่วยในการผ่าตัดและระบบฟื้นฟู ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการรักษาและลดเวลาฟื้นตัวของผู้ป่วย
  • ระบบวินิจฉัยในห้องปฏิบัติการ: การวินิจฉัยโดยระบบอัตโนมัติและการทดสอบที่รวดเร็ว ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัยและลดระยะเวลาการทำงาน
  • เทคโนโลยีภาพทางการแพทย์: ทีมงานได้ศึกษาเทคโนโลยีภาพขั้นสูงที่ช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยและวางแผนการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • อุปกรณ์สวมใส่เพื่อสุขภาพ: อุปกรณ์ที่ช่วยติดตามสุขภาพผู้ป่วยแบบเรียลไทม์ เพื่อการตรวจจับปัญหาสุขภาพได้อย่างรวดเร็วและสามารถวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล
  • ระบบตรวจสุขภาพแบบวันเดียวจบ: การตรวจสุขภาพแบบวันเดียวจะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการตรวจประเมินสุขภาพแบบครบวงจรในเวลารวดเร็ว สะดวกและมีประสิทธิภาพ

การสร้างความร่วมมือระดับโลกเพื่อการแพทย์ที่ก้าวหน้า

การเยือนงาน MEDICA ยังเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยขอนแก่นในการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยคณะผู้แทนได้พูดคุยกับบริษัทเทคโนโลยีและสถาบันวิจัยระดับโลกเพื่อนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้ในโครงการ Medical Hub ของไทย ความร่วมมือนี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างโรงพยาบาลที่ให้การรักษาในระดับสากลและตอบโจทย์ความต้องการด้านการแพทย์ในประเทศไทย

การเปลี่ยนแปลงวงการดูแลผู้ป่วยในประเทศไทย

โครงการ Medical Hub ของมหาวิทยาลัยขอนแก่นมีเป้าหมายที่จะยกระดับคุณภาพการดูแลผู้ป่วยในประเทศไทย ด้วยการใช้เทคโนโลยีชั้นสูงที่ช่วยเพิ่มคุณภาพการรักษาและการบริหารโรงพยาบาล อีกทั้งยังสนับสนุนการวิจัยทางการแพทย์ในระดับสูง

รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ภัทรพงษ์ มกรเวส กล่าวว่า เป้าหมายของเราคือการให้บริการดูแลสุขภาพที่ยอดเยี่ยมแก่ชุมชน พร้อมทั้งยกระดับการศึกษาและการวิจัยทางการแพทย์ในประเทศไทย”

ก้าวสู่อนาคตการแพทย์ในระดับสากล

การเข้าร่วมงาน MEDICA ในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาของมหาวิทยาลัยขอนแก่นสู่การเป็นสถาบันแพทยศาสตร์และการวิจัยชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยจำนวนเตียงที่มากถึง 2,000 เตียงคณะแพทยศาสตร์ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาคุณภาพการรักษาและผลลัพธ์ทางการแพทย์ พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีชั้นสูงมาใช้ในการรักษาผู้ป่วยในประเทศ

ด้วยพันธกิจที่ชัดเจน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ยืนยันที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันขีดความสามารถด้านการแพทย์ของประเทศไทยให้ก้าวสู่ระดับสากล โครงการ Medical Hub ที่กำลังก่อสร้างนี้คาดว่าจะเป็นทรัพยากรด้านสุขภาพที่สำคัญสำหรับประเทศไทยและภูมิภาคในอนาคต

 

Khon Kaen University Faculty of Medicine and Heidelberg University Join Forces in Groundbreaking Medical Research Collaboration

 

November 8, 2024 – Heidelberg, Germany

In a historic collaborative initiative, Khon Kaen University, led by the President, Assoc. Prof. Dr. Chanchai Pantongviriyakul and Ambassador Surapol Poonsawat, partnered with Heidelberg University to launch a pioneering medical research collaboration. This visit, jointly organized by the universities, is set to accelerate innovations in healthcare, addressing critical global health issues such as the impact of environmental pollution on human health, climate-driven disease patterns, and advancements in pediatric medicine. The Khon Kaen University delegation, headed by Dean, Faculty of Medicine, Assoc. Prof. Dr. Pattarapong Makarawate, embarked on a pioneering visit to Heidelberg University, Germany, to deepen ties in global medical research and innovation. Accompanied by prominent faculty members including Assoc. Prof. Dr. Sirirat Anutrakulchai, Vice Dean for Research and Innovation; Prof. Dr. Pope Kosalaraksa, Director of the Clinical Research Management Unit; Assoc. Prof. Dr. Daris Theerakulpisut, Assistant Dean for International Relations and Corporate Communications; Asst. Prof. Narongrit Kasemsap, Director of the Excellence Medical Hub; and Asst. Prof. Dr. Atibodee Meesing, Deputy Director for Quality and Risk Management at Srinagarind Hospital, the delegation engaged in strategic dialogues to foster impactful health solutions for regional and global challenges.

 

 

A Platform for Shared Innovation

The visit began with a warm reception by Dr. Christine Neumann from Heidelberg University, who introduced the team to key projects addressing urgent global health concerns. The highlighted initiatives included the PANDA (Prospective Assessment of Newborn and Child Health Development Amidst Environmental Challenges) and PANDASIA (Prospective Assessment of Newborn and Child Health Development in Asia) programs, which focus on the effects of plastic pollution and climate change on infant and child health worldwide, with particular emphasis on Asia. The programs are examining the pervasive impact of microplastics and nanoplastics, which are increasingly found in high-risk environments where vulnerable children reside. The delegation had the privilege of gaining insights from Professor Joachim Rocklöv, an expert in climate change and health, who elaborated on the rising environmental threats posed by pollutants, their long-term implications on human health, and particularly their effects on children in high-exposure areas.

Presenting Khon Kaen University’s Research Strengths

In a series of collaborative sessions, Khon Kaen University’s faculty showcased their institution’s expertise and commitment to tackling pressing health issues:

  • Dr. Pattarapong Makarawate presented groundbreaking research on Brugada syndrome, a cardiac condition disproportionately affecting Asian populations. This research explores causes and treatment options, aiming to reduce mortality rates from this condition in Thailand. Dr. Pattarapong also discussed the link between temperature variations and increased Brugada syndrome risk, citing medical evidence that warmer climates are associated with higher mortality rates in individuals with the syndrome.
  • Dr. Pope Kosalaraksa shared advancements in dengue vaccine research, a critical public health endeavor in Thailand. The development of a dengue vaccine is an urgent priority to curb the virus’s spread and reduce hospitalizations caused by dengue fever, which remains a significant health challenge in tropical regions.
  • Dr. Sirirat Anutrakulchai presented compelling research on the adverse effects of PM2.5 air pollution on chronic kidney disease. Her studies draw attention to the direct link between air pollution, heavy metal contamination, and kidney health deterioration. This area of research is vital as it addresses an emerging health threat in regions where industrialization and pollution pose serious risks.
  • Dr. Atibodee Meesing discussed infectious diseases affecting adults in Thailand, focusing on melioidosis, a bacterial infection linked to environmental exposure. He highlighted how climate change influences the incidence of melioidosis, as well as recent advancements in adult infectious disease treatment that aim to mitigate these emerging risks.

 

 

Building Partnerships in Global Health Economics

In the afternoon, the delegation met with Prof. Dr. Dr. Till Bärnighausen, Director of the Heidelberg Institute of Global Health, to discuss collaborations in public health economics and training programs for Khon Kaen University faculty and researchers. Prof. Bärnighausen emphasized the potential impact of health economics research in shaping policies and improving public health outcomes. Together, the two institutions outlined plans to develop joint research initiatives in health economics, aimed at addressing global health challenges with a focus on cost-effective and sustainable healthcare solutions.

Insights from Leading Pediatric Specialists

The delegation continued their exploration of Heidelberg University’s facilities with a tour of Heidelberg University Hospital, one of Germany’s foremost pediatric centers. The delegation was welcomed by Prof. Dr. Georg F. Hoffmann, Director of the Children’s Hospital, who led a discussion on genetic disorders and modern treatments. The visit provided an opportunity to observe the hospital’s groundbreaking work:

  • Dr. med. Steffen Syrbe, Head of Pediatrics, introduced advanced treatments for inborn errors of metabolism and genetic disorders, taking the delegation through case studies on spinal muscular atrophy treated with cutting-edge gene therapy techniques.
  • med. Navina Kuss and Tim Groteclaes, Heads of Neonatology, conducted a comprehensive tour of the neonatal care facilities, illustrating their fully integrated approach to infant care and the sophisticated technologies employed in neonatal treatments.
  • Dr. med. Matthias Gorenflo, a pediatric cardiologist, demonstrated percutaneous interventions for congenital heart defects. This minimally invasive technique allows surgeons to address heart abnormalities without the need for open-heart surgery, representing a breakthrough in pediatric cardiology.
  • Dr. med. Claus P. Schmitt, a pediatric nephrologist, provided insights into dialysis treatments for children suffering from chronic kidney failure. The facility’s comprehensive dialysis program is instrumental in improving outcomes for young patients with renal conditions.

 

A Path Forward in Collaborative Medical Research

This visit stands as a testament to Khon Kaen University’s commitment to advancing medical research through international cooperation. The collaboration between Khon Kaen University and Heidelberg University not only promises to enhance knowledge exchange but also lays the groundwork for continued partnerships in tackling pressing health issues. Assoc. Prof. Dr. Pattarapong Makarawate and Assoc. Prof. Dr. Sirirat Anutrakulchai held further discussions with Heidelberg’s faculty on potential joint research into pollution’s health impacts, including projects on detecting microplastics and nanoplastics in human systems.

By fostering these partnerships, the Faculty of Medicine at Khon Kaen University aims to create a robust global network to develop innovative and sustainable solutions to global health challenges, reinforcing its commitment to improving health outcomes both in Thailand and internationally.

 


 

การเยือนมหาวิทยาลัยไฮเดลเบิร์กของคณะผู้บริหารและนักวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อเสริมความร่วมมือด้านการวิจัยและนวัตกรรมการแพทย์ระดับโลก

เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 รศ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น และท่านทูตสุรพล เพชรวรา นำคณะผู้แทนจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นเข้าร่วมโครงการวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยไฮเดลเบิร์ก โดยความร่วมมือนี้จัดขึ้นเพื่อผลักดันนวัตกรรมทางการแพทย์ ตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพระดับโลก โดยคณะผู้แทนของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้แก่ รองศาสตราจารย์ นพ.ภัทรพงษ์ มกรเวส คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและนักวิจัย อันได้แก่ รองศาสตราจารย์ ดร. พญ.ศิริรัตน์ อนุตระกูลชัย รองคณบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม, ศาสตราจารย์ นพ.ภพ โกศลารักษ์ ผู้อำนวยการสถานบริหารจัดการงานวิจัยคลินิก, รองศาสตราจารย์ ดร นพ.ดริส ธีระกุลพิศุทธิ์ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นพ.นรงฤทธิ์ เกษมทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการทางการแพทย์ชั้นเลิศ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ นพ.อธิบดี มีสิงห์ รองผู้อำนวยการฝ่ายคุณภาพและบริหารความเสี่ยง โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ได้เดินทางไปเยือนมหาวิทยาลัยไฮเดลเบิร์ก ประเทศเยอรมนี เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านการวิจัยและนวัตกรรมการแพทย์ระหว่างสถาบัน ซึ่งความร่วมมือนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการแก้ไขปัญหาสุขภาพในระดับภูมิภาคและระดับโลก

การเยือนครั้งนี้เริ่มต้นด้วยการต้อนรับจาก Dr. Christine Neumann ผู้บริหารมหาวิทยาลัยไฮเดลเบิร์ก โดยเธอได้แนะนำโครงการเด่นที่มหาวิทยาลัยกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งรวมถึงโครงการ PANDA (Prospective Assessment of Newborn and Child Health Development Amidst Environmental Challenges) และ PANDASIA (Prospective Assessment of Newborn and Child Health Development in Asia) โครงการ PANDA นี้มุ่งเน้นการศึกษาผลกระทบของมลภาวะจากพลาสติกและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีต่อสุขภาพของทารกและเด็กทั่วโลก ในขณะที่โครงการ PANDASIA ให้ความสำคัญเฉพาะกับภูมิภาคเอเชียซึ่งประสบกับปัญหามลภาวะอย่างเฉพาะเจาะจง โดยเน้นถึงการปนเปื้อนของ microplastic และ nanoplastic ที่ส่งผลต่อสุขภาพเด็กในพื้นที่เสี่ยงสูง ในการประชุมครั้งนี้ยังได้รับเกียรติจาก Professor Joachim Rocklöv ผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสุขภาพ มาร่วมให้ข้อมูลเชิงลึกในประเด็นผลกระทบจากมลภาวะและภาวะโลกร้อนต่อสุขภาพมนุษย์ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูง และผลของการปนเปื้อนของพลาสติกขนาดเล็กในสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบในระยะยาวต่อสุขภาวะ

หลังจากนั้น คณะผู้แทนจาก มข. ได้รับเชิญให้เป็นผู้นำเสนอผลงานวิจัยสำคัญของสถาบันเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และสร้างความประทับใจแก่มหาวิทยาลัยไฮเดลเบิร์ก โดยรองศาสตราจารย์ นพ.ภัทรพงษ์ มกรเวส ได้นำเสนอผลงานวิจัยเกี่ยวกับ Brugada syndrome ซึ่งเป็นโรคหัวใจที่พบมากในประชากรเอเชีย งานวิจัยนี้มุ่งเน้นไปที่การศึกษาสาเหตุและแนวทางการรักษาโรคดังกล่าว เพื่อพัฒนาแนวทางที่ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยในประเทศไทย นอกจากนี้ รองศาสตราจารย์ นพ.ภัทรพงษ์ ยังได้อธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและผลกระทบต่ออัตราการเกิดโรค Brugada syndrome โดยแสดงหลักฐานทางการแพทย์ที่บ่งชี้ว่าอัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้เพิ่มขึ้นในสภาพอากาศที่มีอุณหภูมิสูงขึ้น

ในส่วนของ ศาสตราจารย์ นพ.ภพ โกศลารักษ์ ผู้อำนวยการสถานบริหารจัดการงานวิจัยคลินิก ได้กล่าวถึงการวิจัยด้านการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญระดับชาติ โดยมุ่งลดการแพร่ระบาดของโรคและลดจำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล อันเป็นความท้าทายอย่างยิ่งในประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกอย่างกว้างขวาง

ด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.พญ.ศิริรัตน์ อนุตระกูลชัย รองคณบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม ได้นำเสนอผลการศึกษาผลกระทบของฝุ่นละออง PM2.5 ต่อการเกิดโรคไตเรื้อรัง โดยได้เน้นถึงความเชื่อมโยงระหว่างมลภาวะทางอากาศและการปนเปื้อนของโลหะหนักในสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อการเสื่อมสภาพของไตและการเกิดโรคไตเรื้อรัง ซึ่งถือเป็นปัญหาสุขภาพสำคัญในประเทศไทยและภูมิภาคที่ประสบปัญหามลภาวะทางอากาศ

นอกจากนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นพ.อธิบดี มีสิงห์ รองผู้อำนวยการฝ่ายคุณภาพและบริหารความเสี่ยง โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ได้บรรยายเกี่ยวกับการระบาดของโรคติดเชื้อในผู้ใหญ่ในประเทศไทย โดยเฉพาะโรคเมลิออยด์ซึ่งเกิดจากแบคทีเรียในสิ่งแวดล้อม และได้แสดงข้อมูลที่ชี้ถึงการเพิ่มขึ้นของอุบัติการณ์ของโรคจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการพัฒนาแนวทางการรักษาโรคติดเชื้อในผู้ใหญ่ที่มุ่งเน้นการลดความเสี่ยงและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค

ช่วงบ่าย คณะผู้แทนจาก มข. ได้พบกับ Prof. Dr. Till Bärnighausen ผู้อำนวยการของ Heidelberg Institute of Global Health โดยได้หารือถึงความร่วมมือด้านเศรษฐศาสตร์สาธารณสุขและการฝึกอบรมอาจารย์และนักวิจัยของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นในด้านนี้ รวมถึงการวางแผนในการพัฒนาการวิจัยด้าน health economics เพื่อตอบโจทย์สุขภาพระดับสากล นอกจากนี้ คณะผู้แทนจาก มข. ยังได้มีโอกาสเยี่ยมชมโรงพยาบาล Heidelberg University Hospital ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลเด็กขนาดใหญ่ที่สุดในเยอรมนี โดยมีการต้อนรับจาก Prof. Dr. Georg F. Hoffmann ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเด็ก พร้อมนำเสนอการรักษาโรคทางพันธุกรรม

Prof. Dr. med. Steffen Syrbe หัวหน้าแผนกกุมารเวชศาสตร์ ได้แนะนำการรักษาโรคในกลุ่ม inborn error of metabolism และโรคทางพันธุกรรมอื่น ๆ โดยพาชมการรักษาผู้ป่วยที่มีโรค spinal muscular atrophy ซึ่งได้รับการรักษาด้วยการบำบัดด้วย gene therapy ที่ทันสมัย ขณะที่ Dr. med. Navina Kuss และ Tim Groteclaes หัวหน้าแผนกทารกแรกเกิด ได้พาคณะผู้แทนจาก มข. เยี่ยมชม facility และการรักษาทารกแรกเกิดอย่างครบวงจร

Prof. Dr. med. Matthias Gorenflo แพทย์โรคหัวใจเด็ก ได้แนะนำการรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดด้วยวิธีการ percutaneous intervention ซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ และ Prof. Dr. med. Claus P. Schmitt กุมารแพทย์โรคไต ได้อธิบายการฟอกไตในเด็กที่มีภาวะไตวายเรื้อรัง

การเยือนครั้งนี้ได้แสดงถึงความตั้งใจของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในการพัฒนาความร่วมมือกับสถาบันต่างประเทศเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาวิจัยทางการแพทย์ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ครั้งนี้ยังเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยสร้างเครือข่ายความร่วมมือระดับสากลและพัฒนานวัตกรรมในการแก้ไขปัญหาสุขภาพให้ยั่งยืนในอนาคต

 

Khon Kaen University’s Faculty of Medicine Expands Double Degree Program with Kumamoto University to Include Microbiology

 

Khon Kaen University’s Faculty of Medicine has strengthened its academic collaboration with Kumamoto University in Japan by expanding the Double Degree Program (DDP). Originally focused on Biochemistry, the DDP has been a resounding success, providing students with in-depth research training in a key scientific discipline. Building on this success, Khon Kaen University (KKU) has broadened the program to include Microbiology, a response to increasing interest from students and researchers keen to delve into this essential field of study.

 

 

 

The recent visit to Kumamoto University was led by Assistant Professor Dr. Raksawan Dinonpho, Assistant Dean of Academic Affairs for Preclinical Graduate Studies. She was joined by Associate Professor Dr. Kulthida Wetivutacharn, Chair of the Biochemistry DDP, and Dr. Orasa Panawan, both from the Biochemistry Department. Representatives from the Microbiology Department included Associate Professor Dr. Supranee Phantanawiboon and Dr. Jakkrit Wechaiphum. During their visit, the delegation presented a newly updated graduate curriculum focused on advanced research in Microbiology and discussed opportunities for developing hands-on exchange programs. These programs aim to immerse students in real-world research environments, enhancing essential skills for international scientific research.

 

 

In addition to curriculum development, the KKU team met with several senior officials and renowned researchers from Kumamoto University. Notable attendees included Dr. Jun Otani, Executive Vice-President for University Reform, and Dr. Kazuhito Tomizawa, Executive Vice-President for Evaluation. The delegation also met with Prof. Seiji Okada, a JDP Program representative and expert in Human Retrovirus Infection; Prof. Hiroyuki Oshiumi, Chair of the Graduate School of Medical Sciences Education Committee in Immunology; and Prof. Wen-Jie Song, Vice Chair of the Graduate School of Medical Sciences Education Committee in Sensory and Cognitive Physiology. Discussions were also held with Associate Professor Satou from the Genomics and Transcriptomics field, Joint Research Center for Human Retrovirus Infection, who is planning collaborations with KKU’s Microbiology Department under the DDP. Associate Professor Shinriki, Head of Medical Oncology and Translational Research, also expressed interest in future partnerships.

The DDP in Biochemistry has already produced graduates recognized internationally for their outstanding research contributions, establishing itself as a model program. Extending the program to Microbiology will offer students valuable opportunities to acquire advanced research skills, preparing them for impactful careers in a global arena.

This partnership’s expansion highlights the commitment of both universities to provide students with access to resources and research standards of an international caliber. Moreover, the DDP network includes collaboration with other Thai institutions, such as Mahidol University, Chiang Mai University, and Prince of Songkla University, creating a strong regional alliance aimed at elevating research expertise in Southeast Asia.

The expanded DDP between KKU’s Faculty of Medicine and Kumamoto University signifies a crucial step toward equipping students and researchers with the skills needed for the future of science and medicine. This program is expected to play a vital role in fostering scientific and medical advancement, offering students in Thailand and Japan a pathway to gain hands-on experience in globally relevant fields and positioning them as key contributors to future innovations in science.

 

 


 

คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ขยายโครงการ Double Degree Program ร่วมกับมหาวิทยาลัยคุมาโมโตะ ขยายหลักสูตรจากสาขาชีวเคมีสู่สาขาจุลชีววิทยา

คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) ได้เสริมความร่วมมือทางวิชาการกับมหาวิทยาลัยคุมาโมโตะ ประเทศญี่ปุ่น โดยการขยายหลักสูตร Double Degree Program (DDP) ซึ่งเป็นหลักสูตรที่เน้นการพัฒนาศักยภาพนักศึกษาในการทำวิจัยเชิงลึกในสาขาวิชาที่สำคัญ โดยที่ผ่านมาโครงการนี้ประสบความสำเร็จในสาขาชีวเคมี และจากความสำเร็จดังกล่าว มข. ได้ขยายหลักสูตร DDP ให้ครอบคลุมถึงสาขาจุลชีววิทยา เพื่อตอบสนองความต้องการของนักศึกษาและนักวิจัยในปัจจุบันที่มีความสนใจในสาขานี้อย่างแพร่หลาย

การเดินทางเยือนมหาวิทยาลัยคุมาโมโตะครั้งนี้ นำโดย ผศ.ดร.สพ.ญ. รักษวรรณ ดีโนนโพธิ์ ผู้ช่วยฝ่ายวิชาการด้านบัณฑิตศึกษาปรีคลินิก รศ.ดร.พญ.กุลธิดา เวทีวุฒาจารย์ ประธานหลักสูตร DDP สาขาชีวเคมี และ อ.ดร.อรสา พนาวัน จากสาขาวิชาชีวเคมี ผศ.ดร.สุปราณี พันธุ์ธนวิบูลย์ และ อ.ดร.จักรกฤษ เหวชัยภูมิ จากสาขาวิชาจุลชีววิทยา คณะผู้แทนจาก มข. ได้นำเสนอหลักสูตรบัณฑิตศึกษาใหม่ที่เน้นการวิจัยเชิงลึกในสาขาจุลชีววิทยา พร้อมทั้งหารือแนวทางในการพัฒนาโครงการแลกเปลี่ยนเชิงปฏิบัติการ เพื่อให้นักศึกษาได้ทำงานร่วมกับนักวิจัยในสภาพแวดล้อมจริง เพื่อเสริมสร้างทักษะและประสบการณ์ที่จำเป็นในการก้าวสู่การทำวิจัยระดับโลก

ในโอกาสนี้ คณะผู้แทน มข. ได้พบปะและหารือกับคณะผู้บริหารและนักวิจัยชั้นนำจากมหาวิทยาลัยคุมาโมโตะ ซึ่งรวมถึง Dr. Jun Otani รองอธิการบดีบริหารฝ่ายปฏิรูปมหาวิทยาลัย, Dr. Kazuhito Tomizawa รองอธิการบดีฝ่ายการประเมินผล, Prof. Seiji Okada ผู้แทนจาก JDP Program และผู้เชี่ยวชาญด้านการติดเชื้อไวรัสมนุษย์, Prof. Hiroyuki Oshiumi ประธานคณะกรรมการการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา สาขาภูมิคุ้มกันวิทยา และ Prof. Wen-Jie Song รองประธานคณะกรรมการการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา สาขาการรับรู้และการรู้สึก Assoc. Prof. Satou จากสาขาวิชา Genomics and Transcriptomics, Joint Research Center for Human Retrovirus Infection ซึ่งมีแผนจะร่วมมือกับสาขาจุลชีววิทยาของ มข. ในโครงการ DDP และ Assoc. Prof. Shinriki หัวหน้า Medical Oncology and Transalational Reserach ซึ่งบุคคลเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยขอนแก่นและมหาวิทยาลัยคุมาโมโตะ เพื่อผลักดันให้นักศึกษาได้เข้าถึงทรัพยากรการเรียนการสอนและวิจัยที่มีมาตรฐานระดับสากล

โครงการ DDP สาขาชีวเคมีของ มข. และมหาวิทยาลัยคุมาโมโตะ ถือเป็นโครงการต้นแบบที่มีนักศึกษาสำเร็จการศึกษาและมีผลงานวิจัยที่โดดเด่นในระดับสากล ขยายหลักสูตรสู่สาขาจุลชีววิทยาถือเป็นการเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เรียนรู้ทักษะที่สำคัญในการศึกษาเชิงลึกในสาขาวิชานี้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการก้าวสู่การวิจัยและการทำงานในเวทีระดับนานาชาติ

การขยายหลักสูตร DDP นี้เป็นการพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการของนักศึกษาที่มีความสนใจในสาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์และวิทยาศาสตร์ชีวภาพ คาดว่าโครงการจะช่วยส่งเสริมให้นักศึกษาและนักวิจัยมีความพร้อมในการทำวิจัยและมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาวิทยาศาสตร์และการแพทย์ในอนาคต

 

Keio University Opens Doors for Khon Kaen University Faculty of Medicine Students and Staff for Exchange Program

 

On November 12, 2024, Associate Professor Dr. Thuss Sanguansak, Associate Dean for International Relations and Corporate Communications, and Associate Professor Dr. Warachaya Phanphruk, Assistant Dean for International Relations and Corporate Communications, visited Keio University School of Medicine in Tokyo, Japan. The visit was warmly welcomed by esteemed faculty from Keio University, including Professor Hiroshi Tanaka, Dean of the School of Medicine, and Dr. Yukiko Sato, Head of the International Office. This meeting marked an important step in furthering academic cooperation and exchange between the two institutions.

Keio University has expressed a strong commitment to fostering international exchange and has officially opened its doors to students and medical personnel from Khon Kaen University for participation in the exchange program. This initiative aims to encourage mutual learning and the sharing of medical expertise, as well as to support the development of healthcare professionals in a global context. By providing Khon Kaen University students and staff with opportunities to experience Japanese healthcare practices, Keio University seeks to cultivate a robust partnership that will contribute to advancing medical education and training in both countries.

 

 

As part of their visit, the delegation from Khon Kaen University was given an in-depth tour of the Department of Pharmacy at Keio University Hospital, led by Professor Rika Nakamura, Head of Pharmacy Services. This experience provided valuable insights into Japan’s advanced healthcare systems, specifically in pharmacy practices, and offered an opportunity for exchanging ideas and methodologies. This interaction allows Khon Kaen University to integrate new approaches and insights into its own programs, enhancing the quality of education and patient care.

Both institutions have expressed enthusiasm for deepening their collaboration through student and staff exchanges. By establishing strong ties, they aim to create a bridge for knowledge transfer, cultural exchange, and professional development, benefiting both Thai and Japanese healthcare systems.

The Faculty of Medicine at Khon Kaen University views this partnership as a significant opportunity to enrich its academic programs and broaden the global perspective of its students and faculty. Through this exchange program, participants will gain invaluable experiences, skills, and understanding in an international healthcare setting, furthering the Faculty’s mission to prepare its community for excellence in a connected world.

 

 


 

มหาวิทยาลัยเคโอะเปิดโครงการแลกเปลี่ยนรับนักศึกษาและบุคลากรจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 รองศาสตราจารย์ ดร.ธรรศ สงวนศักดิ์ รองคณบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และการสื่อสารองค์กร และ รองศาสตราจารย์ ดร.วรัชญา พันธุ์พฤกษ์ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และการสื่อสารองค์กร ได้เดินทางเยือนมหาวิทยาลัยเคโอะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น การเยือนครั้งนี้ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจาก ศาสตราจารย์ ฮิโรชิ ทานากะ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ และ ดร. ยูกิโกะ ซาโต หัวหน้าสำนักงานวิเทศสัมพันธ์ ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของทั้งสองสถาบันในการพัฒนาความร่วมมือทางการศึกษาและวิชาชีพด้านการแพทย์

มหาวิทยาลัยเคโอะได้ยืนยันถึงความตั้งใจในการรับนักศึกษาและบุคลากรจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยน โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกันและการแลกเปลี่ยนความรู้ในวงการแพทย์ ซึ่งจะเป็นการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ในระดับนานาชาติ การเปิดโอกาสให้บุคลากรและนักศึกษาจากขอนแก่นได้สัมผัสกับระบบการดูแลสุขภาพของญี่ปุ่นจะช่วยเสริมสร้างความร่วมมือที่แน่นแฟ้นระหว่างทั้งสองสถาบัน

นอกจากนี้ คณะผู้แทนจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นยังได้เยี่ยมชมแผนกเภสัชกรรมของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเคโอะ โดยมีศาสตราจารย์ ริกะ นากามูระ หัวหน้าแผนกเภสัชกรรมเป็นผู้นำชม ซึ่งทำให้ได้เห็นถึงแนวทางการปฏิบัติด้านเภสัชกรรมที่ทันสมัยของญี่ปุ่น และเป็นโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้และแนวคิดที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในประเทศไทย เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาและการดูแลผู้ป่วย

ทั้งสองสถาบันต่างแสดงความตั้งใจที่จะพัฒนาความร่วมมือในเชิงลึกผ่านการแลกเปลี่ยนนักศึกษาและบุคลากร เพื่อสร้างความรู้ การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และการพัฒนาวิชาชีพ ซึ่งจะส่งผลดีต่อระบบการแพทย์ของทั้งประเทศไทยและญี่ปุ่น

คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นมองว่าความร่วมมือครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญในการยกระดับคุณภาพการศึกษาและขยายมุมมองระดับโลกให้กับนักศึกษาและคณาจารย์ ผ่านโครงการแลกเปลี่ยนนี้ ผู้เข้าร่วมจะได้รับประสบการณ์และทักษะที่มีคุณค่าในสภาพแวดล้อมทางการแพทย์นานาชาติ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้พวกเขาพร้อมที่จะเผชิญความท้าทายในโลกที่เชื่อมโยงถึงกัน

 

Khon Kaen University Welcomes Global Researchers and Scholars for the 51st Annual Meeting of the Physiological Society of Thailand

 

The Faculty of Medicine at Khon Kaen University hosted the 51st Annual Meeting of the Physiological Society of Thailand from November 13-15, 2024, at the Avani Khon Kaen Hotel & Convention Centre. Organized in collaboration with the Physiological Society of Thailand, the conference focused on “Functional Food & Health Innovation: Opportunities and Challenges for Future Trends,” drawing interest from international researchers and scholars worldwide.

Prof. Dr. Poungrat Pakdeechote, Head of the Department of Physiology, led a delegation of esteemed international experts, including Prof. Silvia M. Arribas from Universidad Autonoma de Madrid, a specialist in cardiometabolic diseases influenced by fetal programming, and Prof. Maria Angeles Martin Cabrejas, renowned for her research in valorizing agricultural by-products into functional food ingredients. They met with the executive team at the Faculty of Medicine, Khon Kaen University, and were warmly welcomed by Asst. Prof. Supawan Laohasiriwong, MD, Assistant Dean for International Relations and Corporate Communication, along with Assoc. Prof. Parichat Prachaney, PhD, Assistant Dean for Strategic Planning and Quality Development. The discussions centered on fostering international collaborations, with a focus on medical student exchanges, graduate research opportunities, and advancing knowledge in physiology.

 

 

Prof. Arribas and Prof. Martin Cabrejas also delivered keynote speeches, highlighting the role of functional foods and health innovations in addressing future health challenges. This conference provided a significant platform for researchers and medical students to exchange knowledge and strengthen global partnerships in physiology and health innovation, paving the way for sustainable health advancements.

 

 

 


 

มหาวิทยาลัยขอนแก่นต้อนรับนักวิจัยและนักวิชาการจากทั่วโลกในการประชุมวิชาการสรีรวิทยาแห่งประเทศไทยครั้งที่ 51

คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้จัดการประชุมวิชาการสรีรวิทยาแห่งประเทศไทยครั้งที่ 51 ระหว่างวันที่ 13-15 พฤศจิกายน 2567 ที่โรงแรมอวานี ขอนแก่น โฮเทล แอนด์ คอนเวนชัน เซ็นเตอร์ โดยความร่วมมือกับสมาคมสรีรวิทยาแห่งประเทศไทย ภายใต้หัวข้อ “Functional Food & Health Innovation: Opportunities and Challenges for Future Trends” ซึ่งได้รับความสนใจจากนักวิจัยและนักวิชาการจากทั่วโลก

ศาสตราจารย์ ดร.พวงรัตน์ ภักดีโชติ คณะแพทยศาสตร์ หัวหน้าสาขาวิชาสรีรวิทยา ได้นำทีมผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ ได้แก่ Prof. Silvia M. Arribas จาก Universidad Autonoma de Madrid ซึ่งเชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือดที่เกิดจากการเขียนรหัสตั้งแต่ระยะทารกในครรภ์ และ Prof. Maria Angeles Martin Cabrejas ซึ่งมีชื่อเสียงในงานวิจัยด้านการพัฒนาอาหารจากผลพลอยได้ทางการเกษตร เข้าพบผู้บริหารคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยได้รับการต้อนรับจาก  ผู้ช่วยศาสตราจารย์แพทย์หญิงสุภวรรณ เลาหศิริวงศ์ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และการสื่อสารองค์กร และ รองศาสตราจารย์ดร.ปาริฉัตร ประจะเนย์  ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวางแผนเชิงกลยุทธ์และพัฒนาคุณภาพ การประชุมดังกล่าวมีการพูดคุยเกี่ยวกับโอกาสในการแลกเปลี่ยนนักศึกษาแพทย์และนักศึกษาบัณฑิตศึกษา รวมถึงความร่วมมือในการวิจัย เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ด้านสรีรวิทยาให้ก้าวไกลยิ่งขึ้น

ในการประชุมครั้งนี้ Prof. Arribas และ Prof. Martin Cabrejas ยังเป็นวิทยากรพิเศษ โดยเน้นหัวข้อเรื่องอาหารฟังก์ชันและนวัตกรรมด้านสุขภาพซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในอนาคต งานนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญที่นักวิจัยและนักศึกษาแพทย์จะได้ร่วมแบ่งปันองค์ความรู้ และเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในการพัฒนานวัตกรรมด้านสุขภาพอย่างยั่งยืน

 

Khon Kaen University’s Faculty of Medicine Visits Japan to Sign MOU, Strengthening Medical and Research Collaboration

 

On November 11, 2024, a delegation from the Faculty of Medicine, Khon Kaen University, led by Assoc. Prof. Dr. Thuss Sanguansak, Vice Dean for International Relations and Corporate Communication, and Assoc. Prof. Dr. Warachaya Phanphruk, Assistant Dean for International Relations and Corporate Communication, visited the Institute of Science Tokyo Hospital to participate in a landmark Memorandum of Understanding (MOU) signing ceremony. This agreement marks a pivotal step in Khon Kaen University’s efforts to enhance international medical research and development collaborations. The MOU is set to become a cornerstone in supporting advancements in critical care and specialized surgery, providing a strong foundation for future innovations in patient care.

 

 

The signing ceremony took place at the Institute of Science Tokyo, led by Prof. Koji Morishita, President of the Trauma and Acute Critical Care Center, and Dr. Hikaru Odera, Specially Appointed Assistant Professor and liaison for the negotiations. The MOU brings together three leading institutions: the Faculty of Medicine at Khon Kaen University, BNH Medical Centre in Bangkok, and the Trauma and Acute Critical Care Medical Center at the Institute of Science Tokyo. This partnership aims to foster medical research and knowledge exchange, particularly in enhancing acute and trauma care.

The significance of this MOU extends beyond opening avenues for new research initiatives; it lays a solid foundation for strengthening ties between Thailand and Japan in the medical field. The Khon Kaen delegation also engaged in discussions with prominent Japanese medical experts, including Dr. Mitsuaki Kojima, Assistant Prof. Wataru Takayama, Assistant Prof. Fuminori Yamaji, and Dr. Keisuke Suzuki. The discussions highlighted potential collaborative research projects focused on medical innovation and technology.

 

 

Furthermore, the Khon Kaen University delegation had the opportunity to tour various departments at the Institute of Science Tokyo, such as the emergency surgery department, hybrid emergency room system, and ICU ward. These areas showcase cutting-edge technology and innovation in emergency care management. Experts at the Institute provided detailed explanations of their operations, offering valuable insights into advanced emergency response systems. This experience serves as an inspiration for implementing similar practices in Thailand, aimed at improving patient outcomes and operational efficiency.

This visit not only strengthens the bond between Thai and Japanese medical institutions but also opens new doors for knowledge-sharing and collaborative efforts in the field of healthcare. Both institutions emphasized the importance of mutual learning and experience-sharing, which will contribute to the continued elevation of educational and research standards, ultimately benefiting patient care and healthcare innovation in both nations.

 

 


 

คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เยือนญี่ปุ่น ลงนามข้อตกลง MOU กระชับความร่วมมือทางการแพทย์และการวิจัย

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 คณะผู้แทนจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นำโดย รองศาสตราจารย์ ธรรศ สงวนศักดิ์ รองคณบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และการสื่อสารองค์กร และ รองศาสตราจารย์ วรัชญา พันธุ์พฤกษ์ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และการสื่อสารองค์กร ได้เดินทางเยือนสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์แห่งโตเกียว (Institute of Science Tokyo Hospital) เพื่อเข้าร่วมพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับสถาบันการแพทย์ชั้นนำของญี่ปุ่น การลงนามครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในความพยายามของมหาวิทยาลัยขอนแก่นที่จะยกระดับการวิจัยและพัฒนาทางการแพทย์ในระดับนานาชาติ โดยข้อตกลง MOU นี้จะเป็นรากฐานสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาการดูแลผู้ป่วยหนักและการผ่าตัดเฉพาะทางในอนาคต

พิธีลงนามจัดขึ้นที่สถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์โตเกียว โดยมี Professor Koji Morishita ประธานศูนย์การดูแลผู้ป่วยหนักและการผ่าตัดเฉพาะทาง และ ดร.ฮิคารุ โอเดระ ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษ ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานการเจรจาในครั้งนี้ ข้อตกลงความร่วมมือนี้ได้เชื่อมโยงสถาบันการแพทย์ชั้นนำทั้งสามแห่ง ได้แก่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โรงพยาบาล BNH ในกรุงเทพฯ และศูนย์การดูแลผู้ป่วยหนักและการผ่าตัดเฉพาะทางของสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์โตเกียว เพื่อสนับสนุนการวิจัยทางการแพทย์และการแลกเปลี่ยนความรู้ในการดูแลผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ

การลงนาม MOU นี้ไม่เพียงแต่เป็นการเปิดประตูให้กับโครงการวิจัยใหม่ ๆ ที่จะช่วยพัฒนาทางการแพทย์และการดูแลผู้ป่วยในอนาคต แต่ยังเป็นการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการพัฒนาความร่วมมือระหว่างสองประเทศ คณะผู้แทนจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นยังได้พบกับทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์จากญี่ปุ่น อาทิ Dr. Mitsuaki Kojima, Assistant Prof. Wataru Takayama, Assistant Prof. Fuminori Yamaji และ Dr. Keisuke Suzuki โดยมีการพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการร่วมงานวิจัยเพื่อพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์

นอกจากนี้ คณะผู้แทนจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นยังได้มีโอกาสเยี่ยมชมแผนกต่าง ๆ ภายในสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์โตเกียว อาทิ แผนกศัลยกรรมดูแลฉุกเฉิน ระบบห้องฉุกเฉินไฮบริด และหอผู้ป่วย ICU ซึ่งเป็นแหล่งรวมของนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉิน โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสถาบันได้อธิบายถึงวิธีการทำงานและการจัดการอย่างละเอียด ทั้งนี้เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจในการบริหารจัดการสถานการณ์ฉุกเฉิน และเพื่อเป็นการนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับกลับมาใช้ในประเทศไทย